Saturday, December 8, 2012

ประวัติ 10 สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก อันดับ 6 ค่ายกักกันเอาชวิทซ์


อันดับ 6 ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ (Auschwitz) ประเทศโปแลนด์

( วิดีโอโดย คุณ xxmikexx34 จาก Youtube )

คุณจะรู้สึกอย่างไรหากวันนึงคุณถูกจับเข้าสถานที่แห่งหนึ่งโดยไร้สาเหตุ ที่ซึ่งไร้แสงแห่งอิสระภาพ มีเพียงแสงตะวันแผดเผาทุกสิ่ง ความหนาวเหน็บเข้ากระดูกดำ น้ำตา การกักขัง ทารุณ ใช้แรงงานอย่างหนัก และสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม....

หากจะนิยามอะไรให้แก่เอาชวิทซ์แล้ว นิยามข้างต้นก็ดูจะเข้ากันได้อย่างดีสำหรับค่ายกักกันนี้ ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ หรือชื่อเต็มๆว่าค่ายกักกันเอาชวิทซ์-เบียร์เคเนา ( Auschwitz-Birkenau concentration camp ) ค่ายนี้ถือได้ว่าใหญ่มากที่สุดในบรรดาทุกค่ายของนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

( ภาพโดย Wikipedia จาก th.wikipedia.org )

เพียงดูจากทางเข้าไกลๆก็พอที่จะให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ ( และความวังเวง =w= ) ของค่ายกักกันนี้ แต่ทว่าตัวค่ายเองนั้นก็มีประวัติอันน่ากลัวไม่แพ้ความใหญ่ของมันเลย แต่ก่อนเราจะเจาะลึกกันถึงประวัติค่าย เราจะมาดูสถานที่ตั้งกันก่อนนะครับ

( ภาพจาก google map )

ค่ายกักกันตั้งอยู่ที่ประเทศโปแลนด์ ทวีปยุโรป ไม่ไกลจากบ้านเราสักเท่าไหร่ ( เหรอ -w-? ) การไปค่ายนั้นต้องนั่งรถจากเมือง Krakow ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
ไปถึงแล้วจะมี 2 ค่ายใกล้ๆ กัน คือ Auschwitz และ Auschwitz II–Birkenau ครับ

ชื่อค่ายเอาชวิทซ์นั้นมาจากชื่อของเมือง "ออชเฟียนชิม" (Oświęcim) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพนาซีได้รุกรานโปแลนด์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 และโปแลนด์ก็ต้านทานแสนยานุภาพของนาซีไม่อยู่ @~@ ออชเฟียนชิมของโปแลนด์จึงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาซีเยอรมนีในเวลาต่อมาและเปลี่ยนชื่อเป็นเอาชวิทซ์ (Auschwitz) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาเยอรมัน ( เหมือนจะอ่านว่า "เอาชีวิต" มากกว่า =w=" )
ส่วนเบียร์เคเนา (Birkenau) ที่ต่อท้ายชื่อค่ายเอาชวิทซ์นั้น เป็นชื่อในภาษาเยอรมันที่แผลงมาจาก "บเจชิงคา" ( Brzezinka ) ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ไกลนักที่ต่อมาถูกเยอรมนีทำลายเกือบทั้งหมด

( ภาพจาก virtualtourist.com   )

เอาชวิตซ์ถูกสร้างขึ้นโดย กองทัพนาซี ที่ใกล้เมืองเอาชวิทซ์ในโปแลนด์เมื่อปี 1940 ต่อมาได้มีการขยาย ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายครั้ง จนมีแดนขังเพิ่มเป็น 3 แดน คือ เอาชวิตซ์ 1, เอาชวิตซ์ 2 และเบอร์เคนนูร์, เอาชวิตซ์ 3 และโคโนวิตซ์ และมีค่ายกักกันย่อยในเครือเดียวกันอีก 40 แห่ง ระยะแรกๆ ใช้จำขังนักโทษชาวโปล

( ภาพจาก nizkor.org )


ต่อมาก็ใช้เป็นที่กักขังเชลยศึก โซเวียตและนักโทษสัญชาติอื่น รวมทั้งชาวเผ่ายิปซีจนถึงปี 1942 เอาชวิตซ์ก็ถูกใช้เป็นที่สังหารหมู่ นักโทษจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยมุ่งสังหารชนเผ่ายิวในยุโรปเป็นหลัก ตามแนวนโยบายของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่จะล้างเผ่าพันธุ์ยิวให้สิ้นซาก ดังนั้น ชาวยิวทั้งหญิง คนแก่ และเด็ก จึงถูกจับมากักกันไว้ที่เอาชวิตซ์ โดยหลอกว่าจะพามาหางานทำบ้าง จะย้ายมาสร้างถิ่นฐานใหม่ ให้อยู่อย่างสะดวกสบายบ้าง


แล้วทำไมต้องสังหารหมู่ชาวยิว? อันนี้ลุงฮิตเลอร์มีคำตอบให้ครับ

เมื่อสมัยที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นําเยอรมันซึ่งกำลังเรืองอำนาจอยู่ในยุโรปในขณะนั้นได้มีความคิดที่จะสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ที่ฉลาด เข้มแข็ง และเก่งเกินมนุษย์มนาด้วยกัน ( พันธุ์ไหนอ่ะ =^=" ) ซึ่งจำเป็นต้องมีสายเลือดเยอรมันอย่างบริสุทธิ์ มีองค์ประกอบทางกายภาพครบถ้วน เช่น มีผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า ฯลฯ ซึ่งชาวยิวจะมีลักษณะที่แตกต่างไปครับ ทำให้ถูกแบ่งแยก

( ภาพจาก iseehistory.com )

และในนาซีเยอรมันนั้นก็มีชาวยิวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ก็กลัวว่า ชาวยิวจะ....... ( คงจะรู้กันนะครับว่าอะไร ^w^" กึ๊ย! ) กับชาวเยอรมัน ทำให้เลือดเยอรมันไม่บริสุทธิ์ จึงได้จัดการต้อนชาวยิวจากทั่วทุกมุมในทวีปยุโรปมายังค่ายเอาชวิทซ์ และเนื่องจากการจะขนส่งชาวยิวจากทั่วทั้งยุโรปมายังค่ายเอาชวิทซ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ในการขนส่งจึงมีการใช้พาหนะทุกรูปแบบทั้ง รถยนต์ รถไฟ เรือเดินสมุทร และพาหนะทุกประเภทที่จะขนส่งชาวยิวได้ และเมื่อมาถึงชาวยิวก็ได้รับการปฏิบัติจากทหารนาซีที่รออยู่ที่ค่ายอย่างเสียไม่ได้

แล้วพวกนาซีทำอะไรบ้างกับชาวยิว? เราจะมาเจาะลึกกันครับ
***ในที่นี้ขอใช้คำว่านักโทษเพื่อกล่าวรวมๆถึงชาวยิวและชาวอื่นๆที่เป็นนักโทษนะครับ***

เริ่มต้นนั้น เมื่อมาถึงนักโทษจะถูกพาไปยังด่านแรกของค่ายชื่อว่า ด่านแคนาดา ด่านนี้จะริบทรัพย์สินทุกๆอย่างของนักโทษ ไม่ว่าจะเป็น แก้ว หวาน ทอง เพชร แว่นตา รองเท้า ถุงเท้า เสื้อและกางเกงหรูๆ และเอิ่ม......... ข้ามล่ะกันนะครับ ^w^" ไม่เว้นแม้แต่ขาเทียม แขนเทียมและรถเข็นเด็กทารก ( เอากระทั่งรถเข็นเด็กเลยแหะ -[]-" )
หลังจากนั้น นักโทษจะถูกสั่งให้เข้าแถวโดยแบ่งเป็นสองแถวซ้ายและขวา โดยแถวขวาจะเป็นแถวที่หลังจากตรวจแล้ว พบว่าจำเป็นต้องประหาร จะให้เข้าแดนประหารทันที OwO! ส่วนแถวซ้ายเป็นแถวที่ตรวจแล้วไม่มีอะไร ก็จะให้เดินเข้าที่พักต่อไป

( ภาพโดย คุณ marzo จาก bloggang )

เห็นสวยๆอย่างงี้ใช่ว่าข้างในจะสวยเหมือนข้างนอกนะครับ เพราะภายในที่พักนี้มีสภาพไม่ต่างจากเล้าไก่เลยล่ะครับ ( เดาว่านักโทษที่เห็นคงอยากจะหันหลังกลับไปเข้าแถวขวาเป็นแน่ =w= )

( ภาพโดย คุณ ต่วย'ตูน และ ทวีชัย สุวพาณิ จาก Ok NationBlog )

สภาพภายในที่พักเป็นโรงทึบๆ ไม่มีที่ระบายอากาศ และ ช่องแสง ( สาเหตุที่ไม่ยอมเจาะช่องระบายอากาศก็เพราะนาซีกลัวนักโทษหนีครับ ) สภาพเตียงเป็นเตียงสามชั้น ต้องนอนบนเตียงสามชั้นที่ต่อกัน เป็นแถวยาวให้นอนสลับหัว สลับเท้ากัน เมื่อขึ้นเตียงต้องนอนเลย นั่งไม่ได้ เพราะความสูงระหว่างชั้นเตียงนั้นเตี้ยมาก

แต่ที่ดูเหมือนจะทรมานยิ่งกว่าที่นอนก็คือ ที่ถ่ายทุกข์ทั้งหนักเบาหรือโถส้วมของเหล่านักโทษเพราะโถส้วมนั้นตั้งอยู่ภายในที่พักเลย และไม่มีการระบายของเสียออก ทำให้เมื่อใช้นานเข้าปัสสะวะก็จะเจิงนองและน้องๆอุนจิก็จะลอยตุ่มป่องอยู่ในโถส้วม #~# ส่งกลิ่นอันไม่น่าพิศสมัยอบอวลไปทั่ว @[|||]@

และเมื่ออย่างเข้าหน้าหนาวก็ทรมานอีก ด้วยอุณหภูมิที่แทบจะลดจนเกือบจะศูนย์องศา สำหรับนักโทษที่ยากจนดูจะไม่ค่อยลำบากนักเพราะยังมีเสื้อผ้าเก่าๆใส่ ( ไม่ถูกยึดจากด่านแคนนาดา ) แต่นักโทษที่รวยจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ ( เพราะถูกยึดในด่านแคนนาดา ^ ^" ) เลยจำเป็นต้องทนหนาวไปจนชิน ( หรือไม่ก็หนาวจนสิ้นใจล่ะนะครับ v_||_v )

หน้าร้อนก็ทรมานไม่แพ้กันครับ ด้วยสภาพที่เป็นโรงทึบๆ ไม่มีที่ระบายอากาศทำให้ภายในร้อนจนต้มไข่ไก่ให้สุกได้เลยล่ะ +v+ ( งานนี้นักโทษที่รวยก็สบายกันแล้วล่ะครับ ^v^" )
ถ้าเป็นหน้าร้อน เราๆคงจะอยากอาบน้ำกันใช่มั้ยล่ะครับ จะได้คลายร้อน แต่ไม่ใช่นี้ครับ ที่นี้นาซีไม่อนุญาตให้อาบน้ำครับ แต่จะพาไปอาบเองเป็นระยะ ซึ่งนาซีจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มสำหรับสองห้องอาบน้ำครับ โดยกลุ่มแรกไปอาบน้ำที่ห้องแรก ส่วนกลุ่มที่สองได้อาบน้ำห้องที่สอง ภายในห้องทั้งสองจะมีสภาพไม่ต่างกันครับ คือ มีประตูหนาสองชั้น เจาะช่องมองกรุกระจกไว้ด้วย และก่อนอาบนักโทษจะถูกสั่งให้ถอดเสื้อออกให้หมด OwO! ฮ่าๆ อย่าเพิ่งคิดนะครับว่า นักโทษต้องไม่พอใจแน่ที่ถูกสั่งให้ถอดเสื้อให้หมด ตรงกันข้ามครับ นักโทษทุกคนนั้นมีความสุขมากในตอนนี้ และเข้าสู่ห้องอาบน้ำ ตอนนี้ล่ะครับ คือ ช่วงเวลาแห่งความสุขของเหล่านักโทษ แต่ทว่ากลุ่มที่สองนั้นไม่ได้อาบน้ำอย่างมีความสุขอยุ่ภายในห้องที่สองหรอกนะครับ เพราะสำหรับกลุ่มที่สองนั้นจะเป็นกลุ่มที่จะถูกประหารแทน โดยจะถูกรมแก๊สพิษกระป๋องแทน ( แห่ม มันหลอกให้ดีใจกันเห็นๆ - -" )

( ภาพโดย คุณ Pearl จาก Topicstock Pantip )

ซึ่งแก๊สพิษนี้ใช่โดนแล้วตายทันทีเหมือนในหนังนะครับ นักโทษที่ถูกรมควันนั้นจะค่อยหายใจไม่ออกและดิ้นทุรนทุรายจนตายไปในที่สุด โดยในระหว่างนั้น ผู้คุมจะดูอยู่ที่ช่องที่เจาะไว้จนคนสุดท้ายนั้นนิ่งแล้ว จึงเข้ามาจัดการศพซึ่งขอบอกเลยครับว่าจัดการกันจนหยดสุดท้ายเลยจริงๆ โดยเริ่มจากทรัพย์สินที่ติดตัว เช่น ฟันทอง ฯลฯ ตามตัวจะถูกเก็บไว้ ส่วนผมนั้นจะนำมาสระชำระล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง แล้วส่งไปยังโรงงานถักเสื้อกันหนาว  ชิ้นส่วนแขนขาก็ส่งให้แพทย์สนามนำไปต่อให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนกล้ามเนื้อศพนั้นจะถูกส่งไปยังโรงครัวเพื่อปรุงเป็นซุปและแฮมเบคอนเลี้ยงนักโทษที่อาบน้ำอยู่ OvO!  ซึ่งนานๆ ครั้งที่นักโทษจะได้รับประทานซุปและแฮมกับเบคอน จึงต่างพากันเจริญอาหารกันทั้งค่าย ท่ามกลางอาการพะอืดพะอมของทหารควบคุมผู้รู้ความจริง และสุดท้ายกระดูกของนักโทษที่ถูกรมแก๊สพิษก็จะถูกเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่านและรวบรวมไว้เพื่อเอาไปเป็นปุ๋ยสำหรับต้นไม้ต่อไป ( ใช้จนคุ้มจริงๆ =^=b )


( ภาพโดย คุณ Pearl จาก Topicstock Pantip )

แต่ทว่านะครับในระหว่างการเผานั้นเองดูจะเป็นอะไรทีทรมานขึ้นอีกขึ้นเพราะเนื่องจากนักโทษบางคนนั้นอึด รมแก๊สพิษแล้วยังรอด แถมนาซียังไม่มีการตรวจสอบโดยละเอียดว่าตายจริง ดังนั้น เมื่อถูกเผาก็เลยมีการดิ้นรอบสองกันต่อ OoO!

อ๋อ อย่าเพิ่งคิดช่วงนะครับว่ามีแต่การประหารด้วยการรมควันน่ะครับ +v+

เพราะว่าการประหารนักโทษนั้นบางครั้งแก๊สก็ไม่ทันใจเพราะต้องสังหารหมู่คราวละมากๆ เนื่องจากดันเกิดความจําเป็นต้องการที่ว่างเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีนักโทษหน้าใหม่ถูกจับกุมตัวมามาก จึงต้องประหารเพิ่มด้วย การจัดอาบน้ำกลางแจ้ง โดยไล่ต้อนนักโทษไปถอดเสื้อผ้า เตรียมอาบน้ำในป่าหลังค่ายกักกัน แล้วก็สังหารเสียด้วยปืน จากนั้นก็นำศพมาเผาบนกองฟืน @~@

รวมๆแล้วถึงจุดนี้ เราจะกล่าวหาว่าฮิตเลอร์จงใจว่าตั้งค่ายกักกันไว้เพื่อสังหารล้างเผ่าพันธุ์ยิวเผ่าเดียวก็ไม่ถูก เพราะแต่เดิมนั้นวัตถุประสงค์ในการเปิดค่ายกักกันเอาชวิตซ์ไม่ได้มุ่งจับยิวไปฆ่าเพียงเผ่าเดียว นักโทษที่ถูกส่งมากักกันรอประหารนี้ยังมีพวกโรมาหรือเผ่ายิปซีเร่ร่อนอีกด้วย

ปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเตรียมปกปิดหลักฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงมีการรื้อโรงรมแก๊สสังหารกับโรงเผาศพ และย้ายนักโทษที่ยังแข็งแรงกลับมายังดินแดนเยอรมัน  ( แห่ม ทำเนียนเนอะ -v-" )

ต่อมาในวันที่ 27 มกราคม 1945 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียต ได้บุกเข้ายึด เอาชวิตซ์จากเยอรมัน โดยที่กองทัพโซเวียตรุกคืบได้รวดเร็วมากทำให้ไม่อาจทำลายอาคารและหลักฐานได้หมด เอาชวิตซ์จึงยังหลงเหลือเป็นหลักฐานประจาน ความโหดร้ายของนาซีอยู่จนถึงทุกวันนี้ :P

ปัจจุบันเอาชวิตซ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีนักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโปแลนด์ ซึ่งโปแลนด์พยายามรักษาสภาพเอาชวิตซ์ให้ใกล้เคียงสภาพเดิมให้มากที่สุดเพื่อเป็นอุทาหรณ์ถึงความทารุณโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ

เมื่อถึง 27 มกราคม ปี 2005 นับได้ 60 ปีพอดี องค์การสหประชาชาติจึงได้จัดพิธี ไว้อาลัยผู้ที่เสียชีวิต จำนวนนับล้าน ที่ถูกสังหารที่ค่ายกักกันแห่งนี้เพื่อ เป็นการระลึกถึงวันครบรอบ 60 ปีแห่งการยึดเอาชวิตซ์ และปลดปล่อยนักโทษที่รอการสังหารได้สำเร็จ

( ภาพโดย คุณ Holocaust จาก wordpress.com )

Credit:
data by
-ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ by wikipedia @ th.wikipedia.org
-บรื๋อ!!! ขนหัวลุกกับ 10 ที่เที่ยวสุดสยองขวัญรับ "ฮัลโลวีน"  by daejongkon @ funny.hunsa.com
-ค่ายกักกันมรณะ Auschwitz-Birkenau by คุณ Pearl @ topicstock.pantip.com

picture by
-64 ปี “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz) by คุณ ต่วย'ตูน และ ทวีชัย สุวพาณิ @ www.oknation.net
-ระลึกสุดใจ : ( 1 ) ค่ายกักกันนรกเอาชวิตซ์ ( Auschwitz Concentration Camp ) - Oswiecim , Poland  by คุณ marzo @ www.bloggang.com