Tuesday, June 4, 2013

ประวัติ 10 สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย 2/2 ( ตอนจบ )


อ่านตอนแรกได้ที่นี้ [Link]

ครั้งเมื่อวลาดถูกขังอยู่ในฮังการีในช่วงเวลาหนึ่ง ยามว่างของวลาดก็ยังอยู่ในเรื่องเสียบๆอยู่ เหยื่อของเขานั้นคือบรรดาสัตว์เล็กๆ จำพวกนกที่เขามักจะจับมันมาเสียบกับไม้จำลองอันเล็กๆ เขานำซากเสียบนั้นปักเกลื่อนกลาดในที่คุมขังของเขา

ภายหลังการเข้ายึดบัลลังก์คืนได้สำเร็จ เป้าหมายการล้างแค้นของเขาคือขุนนางแห่งเมืองทีร์โกวิสเตที่ต้องรับผิดชอบการตายของบิดาและพี่ชายของเขา วลาดได้เชื้อเชิญบรรดาขุนนางเหล่านั้นพร้อมกับครอบครัวมาเฉลิมฉลองเทศกาลอิสเตอร์ หลังจากแขกรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทหารวลาดก็บุกเข้ามาล้อมจับทุกคนที่อยู่ที่นั้น แล้วบังคับให้ออกเดินทางไปเมืองโปเอนารีซึ่งห่างออกไป 50 ไมล์ นักโทษทั้งหมดถูกบังคับให้สร้างป้อมปราการอันแข็งแกร่งบนภูเขาสูงท่ามกลางภูมิประเทศและอากาศที่แสนเลวร้าย นักโทษหลายคนต้องตายในขณะก่อสร้างเพราะร่างกายเปลือยเปล่า และเมื่อนักโทษสร้างป้อมปราการเสร็จแล้ว วลาดตอบแทนพวกเขาด้วยการเสียบร่างประจาน

( ภาพโดย คุณ Joanna Parypinski จาก joannaparypinski.com )

อีกเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าวลาดเป็นคนโหดเหี้ยมไม่สนทุกชนชั้น คือวันหนึ่งเขาได้เชิญบรรดาคนชรา คนป่วย และขอทานมาดื่มกินในปราสาทของเขา หลังจากแขกที่มาเยื่อนดื่มกินเสร็จ วลาดถามพวกเขาว่า 
"พวกท่านปรารถนาจะมีชีวิตเยี่ยงนี้โดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่ขาดแคลนไปหมดทุกอย่าง ท่านต้องการหลีกหนีพ้นสภาพเยี่ยงนี้หรือไม่"
"ต้องการสิท่าน"
แขกทุกคนตอบเสียงเดียวกันอย่างกระตือรือร้น
วลาดจึงสั่งให้ทหารล้อมปราสาทเอาไว้ทุกจุดและเผาทุกคนในปราสาทให้ตายหมด ซึ่งไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ วลาดได้กล่าวภายหลังว่า "ข้าพเจ้าได้ทำลงไปเพื่อให้คนในเขตการปกครองของข้าพเจ้าไม่ต้องประสบความยากไร้อีก"

วลาดค่อนข้างเป็นคนชอบหาเรื่องเสียบคนผิดได้อย่างหลากหลาย เช่น ผู้หญิงมีชู้  พ่อค้าที่หลอกลวงผู้บริโภค ภรรยาที่เย็บเสื้อสามีแล้วแขนสั้นมากเกินไป หรือพ่อค้าที่ไม่ยอมขายของลดราคาแก่เขา ซึ่งคนพวกนี้วลาดจะเสียบแล้วทิ้งศพคาไม้เสียบไว้ในที่สาธารณะและปล่อยทิ้งไว้จนเหลือแต่กระดูก เพื่อเป็นบทเรียนให้แก่ผู้กระทำความผิดแบบเดียวกัน
โดยเฉพาะ ผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว และภรรยามีชู้นั้น วลาดจะชอบเป็นพิเศษ และเป็นเหยื่ออันดับแรกๆ ของวลาด ที่จะต้องนำมาทรมานก่อนนำมาเสียบ โดยผู้กระทำความผิดจะต้องโดนตัดอวัยวะเพศหรือไม่ก็เต้านมออก หลังจากนั้นก็นำเหล็กแหลมที่เผาไฟจนแดงร้องเสียบไปที่เชิงกรามเพื่อให้ทะลุออกทางปาก ในการลงโทษครั้งหนึ่งนั้น ภรรยาที่นอกใจสามีจะถูกวลาดสั่งให้ถลกหนังทั้งเป็นก่อนที่จะสับแขนขาออกและเสียบประจาน

ในบันทึกร่วมสมัยได้บรรยายเรื่องของวลาดไว้ว่า "เขาได้คิดค้นวิธีการทรมานที่แสนจะโหดเหี้ยมที่น่าสะพรึงกลัวสุดบรรยาย เช่น เขาจะเสียบแม่และเด็กทารกลูกของนางติดกัน โดยที่เด็กกำลังดูนมแม่อยู่ บางทีก็ผ่าอกแม่และเอาศีรษะของลูกยัดใส่เข้าไปเพื่อที่ว่าเวลาเสียบจะได้ทะลุติดกันทั้งแม่และลูก วลาดเสียบทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็นพวกคริสเตียน ยิว มุสลิน ศาสนามิช่วยรั้งให้วลาดหยุดเสียบมนุษย์แม้แต่น้อย"

( ภาพโดย manypicture จาก www.manypicture.com )

ความจริงวลาดไม่ใช้เป็นคนคลั่งไคร้เสียบ เขายังชื่นชอบการลงโทษแบบอื่นๆ เช่นกัน ในบันทึกของเยอรมันบรรยายเรื่องนี้ว่า “เขาเคยสั่งให้ฝังคนที่ร่างกายเปลือยเปล่าไว้แค่สะดือ(มือก็ฝังลงในดินด้วย) และใช้เป็นเป้ายิงธนู บางคนถูกเผาและถลกหนังทั้งเป็น บางคนถูกนำมาต้มในกระทะใบใหญ่โดยที่เขาจะนั่งฟังเสียงร้องอันโหยหวนอย่างรื่นรมย์ ครั้งหนึ่งมียิปซี 300 คนเดินทางเข้ามาในดินแดนของเขา เขาได้เลือกคนที่เขาพอใจมา 3 คน ก่อนที่จะถูกย่างทั้งเป็นและให้พวกที่เหลือกินพวกเดียวกันเอง

ในด้านการศึกนั้นวลาดก็โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน
ตามเรื่องเล่าของโรมาเนียบันทึกเป็นลากลักษณ์อักษรบอกว่าครั้งเมื่อวลาดโจมตีเมืองหลายเมืองในทรามซิลวาเนียที่เข้าข่ายว่าเป็นพวกของดาเนสตีศัตรูตัวฉกาจของเขาว่า "ในปี ค.ศ.1460 ช่วงเช้าแห่งวันเซนต์บาโธโลมิว ดราคูล่าได้เดินทัพผ่านป่าวัลลาเซีย เขาได้กวาดต้อนผู้คนตามรายทางจนสุดหมู่บ้านฮูมิลาชไม่ว่าชายหรือหญิงให้มารวมกัน จากนั้นเขาและทหารของเขาใช้ดาบยาว ดาบโค้ง และมีดตัดแขนขาและอวัยวะส่วนต่างๆ ของคนเหล่านั้นประหนึ่งว่ากำลังหั่นกระหล่ำปลี ส่วนพวกบาทหลวงและคนอื่นๆ ที่ไม่ถูกฆ่านั้น เขานำตัวกลับไปปราสาทของเขาและสั่งให้เสียบหมดทุกคน ก่อนจากไปเขายังสั่งให้เผาหมู่บ้านและทำลายทรัพย์สินทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากลองคาดว่ามีผู้ตายจากการฆ่าครั้งนี้ถึง 3000 คน"

แน่นอนแม้กระทั้งมิตรอาณาจักรออตโตมานวลาดก็ไม่เว้น เมื่อคณะผู้แทนทางการทูตจากจักรวรรดิออตโตมานมาเข้าเฝ้าวลาด วลาดรู้สึกหงุดหงิดมากเมื่อทูตไม่ถอดผ้าคลุมศีรษะออกเมื่อเข้าพบเขา เขาจึงถามว่าเพราะเหตุใด หัวหน้าคณะตอบว่ามันเป็นเหตุผลทางศาสนาจำเป็นต้องสวมผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา ดังนั้นวลาดจึงสั่งให้ตอกประตูลงบนผ้าให้ติดกับศีรษะทุกคนเพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านี้จะได้ไม่ถอดผ้าคลุมออกจากศีรษะได้อีก

แต่กระนั้นความโหดเหี้ยมนั้นก็แฝงด้วยจิตวิทยา.....................

ในไม่ช้าวลาดได้ตระหนักว่าเขาสามารถใช้ชื่อเสียงในเรื่องความเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ของเขาในการทำสงครามจิตวิทยากับผู้มารุกรานดินแดนอย่างได้ผล การที่เขาเปลี่ยนฝ่ายมาเป็นฮังการีทำให้เขาเป็นศัตรูกับอาณาจักรออตโตมานไปโดยปริยาย ในปี ค.ศ.1462 กองทัพมหึมาของพวกเตอร์กได้บุกเข้ามายังวัลลาเซีย วลาดใช้ทหารที่มีจำนวนน้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามในการใช้แผนสกัดกั้นกองทัพเตอร์กทุกวิถีทาง เช่นโรยยาพิษลงในบ่อน้ำฝ่ายตรงข้าม ใช้อาวุธเชื้อโรคโดยส่งคนที่ติดโรคไปแพร่ระบาดในพื้นที่ของข้าศึก แต่สิ่งที่สร้างความกลัวต่อออตโตมานนั้นกับเป็นการเสียบของวลาด ดั่งที่มีการบรรยายโดยนักประวัติชาวกรีกไว้ว่า
"สุลต่านทรงเดินทัพต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ทรงทอดพระเนตรเห็นทหารของพระองค์ถูกเสียบอยู่ บริเวณนั้นเป็นท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยไม้เสียบมนุษย์เป็นระยะทางถึง 3 กิโลเมตรและกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร พวกทหารทั้งกองทัพต่างตกตะลึงกับภาพอันน่าสยอดสยองตลอดระยะการเดินทาง ไม้เสียบเหล่านี้มีร่างของผู้ชาย ผู้หญิง เด็กถูกเสียบนับได้คร่าวถึง 20,000 คน จนองค์สุลต่านตรัสว่าพระองค์คงไม่อาจสามารถพิชิตดินแดนที่ผู้ปกครองสามารถทำสิ่งร้ายกายเหลือเชื่อเช่นนี้ได้ และเมื่อตรัสเช่นนั้นสุลต่านทรงตัดสินพระทัยถอยทัพกลับโดยทันที"

( ภาพโดย คุณ Joanna Parypinski จาก joannaparypinski.com )

ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ในวัลลาเซียแทบไม่มีอาชญากรรมใดๆ เกิดขึ้นอันเนื่องจากการกลัวถูกเสียบ อีกทั้งวลาดนั้นเป็นคนที่เข้มงวดเรื่องกฎหมายและระเบียบมาก จนถูกยกย่องว่าเขาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์มาก
มีเรื่องเล่ากันว่า มีบาทหลวงสองคนมาเยี่ยมวลาดที่ปราสาทของเขา วลาดได้พาบาทหลวงไปดูศพที่เขาลงทัณฑ์นอนกลิ้งเกลื่อนกลาดที่สนามหน้าปราสาท วลาดได้ถามบาทหลวงว่า "คิดอย่างไรกับภาพที่เห็น?" บาทหลวงรูปหนึ่งตอบว่า "ท่านได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้ลงโทษผู้ทำความผิดเหล่านี้" แต่สำหรับบาทหลวงรูปที่สองท่านได้ประณามการกระทำอันเหี้ยมโหดของวลาด ผลสุดท้ายตามบันทึกของรัสเซียเขียนไว้ว่า นักบวชรูปที่สองได้รางวัลจากวลาดเป็นเงินมากมายเนื่องจากบาทหลวงคนนั้นพูดตรงไปตรงมาและมีความซื่อสัตย์ ส่วนบาทหลวงรูปแรกโดยเสียบข้อหาพูดเท็จ

( ภาพโดย manypicture จาก www.manypicture.com )

อีกกรณีหนึ่งเป็นเรื่องของนางสนมคนหนึ่งของวลาด เธอบอกว่าเธอได้ตั้งครรภ์กับเขา แต่หลังจากให้แพทย์ตรวจดูอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่าเธอไม่ได้ตั้งครรภ์แต่อย่างใด วลาดเลยมีคำสั่งให้ลงโทษโดยให้ผ่าร่างนางสนมคนนั้นจากหัวเหน่าขึ้นไปจรดถึงทรวงอกและปล่อยให้เธอตายอย่างช้าๆ อย่างสุดแสนทรมาน

ความจริงนักประวัติศาสตร์ไม่รู้ชีวิตส่วนตัวและวัยเด็กของเขามากนัก หลักฐานที่บันทึกเอาไว้มีเพียงภรรยาคนแรกของเขาเท่านั้น ที่ว่ากันว่าจิตใจเธอนั้นงดงามดุจทองคำและอ่อนน้อมถ่อมตน และเธอก็ฆ่าตัวตายไปเพื่อให้พ้นเงื้อมมือจากกองทัพเตอร์กที่กำลังรุกคืบมา วลาดจึงสมรสใหม่กับเจ้าหญิงฮังการีด้วยเหตุผลทางการเมืองเพราะเขาจะสามารถกลับไปคลองบังลังก์วัลลาเซียได้ ภรรยาทั้งสองของเขากำเนิดบุตรชายแก่เขา 3 คน และไม่มีหลักฐานใดระบุว่าวลาดได้สังหารสมาชิกคนใดในครอบครัวในการเสียบหรือเปล่า
ด้วยความช่วยเหลือจากกษัตริย์แห่งฮังการีทำให้วลาดสามารถคลองบัลลังก์วัลลาเซียได้เป็นครั้งที่ 3 ในปี ค.ศ.1476 ก่อนที่ดินแดนของเขาจะถูกพวกเติร์กโจมตีในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เขาถึงแก่กรรมในสงครามครั้งนั้นใกล้เมืองบูคาเรสต์ในปัจจุบัน

Credit:
data by

picture by

No comments:

Post a Comment

เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง คิดยังไง คอมเม้นต์ได้เลย เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย ^w^