Wednesday, November 28, 2012

ประวัติ 10 สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี


อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี

ภาพบรรยากาศภายในประเทศปาปัวนิวกินี
( ภาพโดย คุณ daejongkon จาก hunsa.com )

ปาปัวนิวกินีดินแดนที่เคยมีประวัติถึงเรื่องราวที่น่ากลัว เป็นเรื่องราวของเผ่ากินคนที่คอยจับผู้หลงทาง นักสำรวจที่โชคร้ายที่ได้ย่างกร่ายเข้าไปในพื้นที่ของตน พวกเค้านั้นมีวิธีการรับประทานพวกเราในแบบง่ายๆ แค่หั่นศพ เติมผัก ใส่น้ำ รอจนสุก ก็ได้น้ำซุปเนื้อมนุษย์แสนอร่อยในแบบของพวกเค้าแล้ว 555
แต่ก่อนที่เราจะเจาะรายละเอียดเกี่ยวกับเผ่ากินคนนั้น กระผมขอพาไปรู้จักกับประเทศปาปวนิวกินีกันนะครับ

ภาพที่ตั้งของประเทศปาปัวนิวกินีจากประเทศไทย
( ภาพจาก google map )

ประเทศปาปัวกินีเป็นหมู่เกาะอยู่ทางทิศเหนือของทวีปออสเตรเลีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า " รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี " ขนาดเกาะโดยรวมเทียบเท่าประเทศไทย ( ใหญ่มาก~~! ) แต่ทว่าน่าแปลกที่จำนวนประชากรกลับตรงข้ามประเทศไทย จำนวนประชากรในปาปัวกินีนั้นมีเพียง 5 ล้านคนหรือคิดเป็นราวๆ 8.3% ของประชากรในประเทศไทยเท่านั้น ( น้อยเนอะ =o=" )
แต่เดิมเกาะนี้มีชื่อว่านิวกินีครับ แต่ในราวต้นศตวรรษที่ 18 นักเดินเรือชาวยุโรปได้เดินทางหลงไปพบเกาะนี้โดยบังเอิญ ได้พบเห็นชนพื้นเมืองบนเกาะมีลักษณะสำคัญคือผมหยิก จึงเรียกเกาะดังกล่าวว่า ปาปัวส์ ซึ่งแปลว่าพวกผมหยิก ตั้งแต่นั้นมา เกาะทางด้านใต้จึงรู้จักกันในนามปาปัว ส่วนด้านเหนือยังคงเรียกกันว่านิวกินี
ปา่ปัวกินีมีเมืองหลวงด้วยนะขอรับ เป็นเมืองท่า ( เมืองที่คอยรับส่งสินค้าจากทางทะเล ) ชื่อ พอร์ตมอร์สบี


พอร์ตมอร์สบีเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศปาปัวนิวกินี ตั้งอยู่ที่ตอนใต้ของเกาะนิวกินี ( ส่วนหนึ่งของประเทศปาปัวกินีครับ ) ที่มาของชื่อเมืองหลวงนะครับมาจาก นักสำรวจชาวยุโรปผู้หนึ่งนาม กัปตันมอร์สบี ( คิดว่าคนเดียวกันกับคนกล่าวไปก่อนหน้านี้อ่ะนะครับ ) ได้สำรวจพบที่นี้ เค้าเลยตั้งชื่อให้กับที่นี้ซะเลย =v=" โดยตั้งชื่อว่า พอร์ตมอร์สบี เพื่อเป็นเกรียรติแด่พ่อของเค้าที่ชื่อ พลเรือเอก เซอร์แฟร์แฟกซ์ มอร์สบี

ซึ่งการสำรวจของนักสำรวจนี่เองก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันน่ากลัวในเวลาต่อมา

ก็ราวๆยุคแรกที่ชาวยุโรปเดินทางไปพบปาปัวนิวกินีนี้เอง ประมาณต้นศตวรรษที่ 19 เหล่านักบวชแห่งศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นหญิงล้วนคณะหนึ่ง ผู้ซึ่งมีอุดมการณ์อันแกร่งกล้า หวังที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้แก่ดินแดนลึกลับแห่งนี้ ได้ตัดสินใจเดินทางมายังเกาะนี้ พร้อมด้วยบอดี้การ์ด ซึ่งมีอาวุธปืนทันสมัย ( ในสมัยก่อนนะครับ ^w^" ) ประจำกาย เหล่าคณะนักบวชได้เดินทางเจ้าไปยังหมู่บ้านของเผ่านึงเพื่อหวังจะเริ่มเผยแพร่ศาสนาคริสต์ เมื่้อก้าวเข้าเขตพื้นที่ของหมู่บ้าน เจ้าบ้านก็ได้เข้ามาสกัดกั้นเพราะเห็นว่าเป็นการบุกรุก แต่คณะนักบวชยังคงรุกหน้าต่อไป ( เดาว่าพวกพี่นักบวชคงไม่เข้าใจว่าเจ้าบ้านไม่อยากต้อนรับพวกพี่เค้าสักเท่าไหร่ -_-" ) ทำให้เจ้าบ้านได้ทำการเข้าจู่โจมด้วยอาวุธอันมี มีด หอก หลาว แหลน และหน้าไม้ บอดี้การ์ดของคณะนักบวชจึงได้โต้ตอบ การต่อสู่ดำเนินไปจนทั้งสองฝ่ายมีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ในที่สุดเหล่าคณะนักบวชจึงได้ยอมแพ้ ( เก่งจังเนอะ เผ่านี้ รบด้วยมีดแล้วชนะปืนได้ =^=b! )

เมื่อรบชนะแล้วจึึงได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองแด่ชัยชนะเหนือผุ้รุกราน ซึ่งเมนูหลักก็คือ ซุปเนื้อมนุษย์นั้นเอง ซึ่งพวกชนเผ่านั้นก็มีวิธีทำอาหารแบบง่าย มากๆ นั้นคือ นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่แล้วต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นแล้วได้ใส่ลงในหม้อ ( อู้ว~ ศพพวกเดียวกันก็กิน =[|||]= ) นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออกมากินกัน

ภาพวาดจำลองแสดงการทำซุปเนื้อมนุษย์
( ภาพโดย ทีมงาน toptenthailand จาก http://toptenthailand.com )


แล้วพวกที่ยอมแพ้ล่ะ? เค้ายังไม่ตายนิ? ครับ แต่พวกเค้าก็ถูกมัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย ( ซะงั้น - -" ) จากนั้นจึงนำมาปรุงเป็นอาหาร เพื่อกินเลี้ยงกันในคืนต่อๆไป
แต่ทว่าพวกชนเผ่าก็ไม่ได้กินกันแค่เนื้อเปล่าๆเท่านั้นพวกเค้ายังมีกับแกล้มด้วยขอรับ ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับพวก เสื้อผ้า รองเท้า หมวก ฯลฯ ที่คณะนักบวชใส่มานี้ล่ะึึครับ 555 -v-"

ตกลงแล้วพวกชนเผ่าเค้ากินเนื้อกันมาแต่ไหนแต่ไรนานแล้วเหรอ?

เราจะมาเจาะลึกกันถึงแก่นสาเหตุกันครับ

ย้อนไปถึงในอดีตเมื่อนักผจญภัยชาวอเมริกาใต้ ได้เดินทางมาถึงปาปัวนิวกินี ในตอนแรกก็ได้ตั้งรกรากกันอยู่ในบริเวณชายทะเลก่อน เพราะอาหารอุดมสมบูรณ์ดี แต่มียุงชุกชุม เป็นเหตุให้ตายกันมากเพราะไข้มาลาเรีย ทำให้จำเป็นต้องอพยพกันเข้าไปในใจกลางของเกาะซึ่งเป็นเทือกเขาสูง ยุงไม่ชุม แต่มีอากาศเย็นกว่า และด้วยสภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศในใจกลางของเกาะนี่เอง ทำให้อาหารไม่ค่อยจะอุดมสมบูรณ์ แถมสัตว์ที่มีอาศัยอยู่มีก็เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น เช่น แกงการู ซึ่งนานวันเข้าก็เริ่มขาดแคลนและหายากขึ้น ทำให้เกิดการขาดสารอาหารจำพวกโปรตีน ขาดมากๆเข้า สัญชาตญาณธรรมชาติในการเอาตัวรอดก็ถูกกระตุ้น ทำให้เริ่มหันมากินกันเองเพื่อจะได้โปรตีนมาเสริมความต้องการของร่างกาย และนักผจญภัยในที่นี้ก็คือชาวปาปัวนิวกินี นั่นคือที่มาของการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันของชาวปาปัวนิวกินีขอรับ ^w^

ภาพชาวปาปัวนิวกินีในปัจจุบัน
( ภาพจาก tripadvisor.com )

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในปัจจุบันได้มีการออกกฏหมายโดยรัฐบาลแห่งปาปัวนิวกีนีว่าด้วยเรื่องห้ามกินเนื้อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเหยื่อหรือนักท่องเที่ยวก็แล้วแต่ และที่สำคัญด้วยประเทศที่พัฒนาจนเจริญกว่าสมัยก่อน ทำให้เรื่องกินคนกลายเป็นเพียงแค่ตำนานไป ในตอนนี้หากใครมีแผนจะไปยังปาัวนิวกินีก็หมดห่วงได้แล้วล่ะครับ รับรองไม่มีใครจับไปกินแน่นอนครับ ^o^

ภาพการเต้นต้อนรับนักท่องเที่ยวชองชนเผ่าในปาปัวนิวกินี
(ภาพจาก tripadvisor.com )

แต่ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะมีเผ่ากินคนหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้ ถ้าไปแล้วเกิดเจอก็ขออวยพรให้โชคดีล่ะนะครับ แฮ่~~~~ ^w^"

Credit:
data by

picture by