( ภาพโดย Wikipedia )
".... คอย ฉันคอยเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่กับใคร ...."
ฮ่าๆ ผีโดยทั่วไปเรามักจะเห็นกันตามบ้านร้างไม่ก็สถานที่เก่าๆ ที่ดูโทรมซะ แต่ถึงกระนั้นที่ลอนดอนก็ยังมีที่หนึ่ง ที่ๆมันไม่ได้โทรมเลยแม้น้อย หน่ำซ้ำยังมีการดูแลรักษาอย่างดีอีก แต่ทว่าก็ติดอันดับสถานที่สยองต้นๆของโลกเลยล่ะ
ยินดีต้อนรับสู่หอคอยลอนดอน ที่ๆขึ้นชื่อเรื่องความดุเป็นอันดับต้นๆของโลก ขอให้ทุกๆเตรียมตัวให้พร้อม กระผมจะ.............. มอบหน้าที่ให้คุณน้องก้องพาทัวร์ ณ บัดนี้
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลย
หอคอยลอนดอนตั้งอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษตามชื่อเลยขอรับ
( ภาพจาก Google map )
อันที่จริงจะเรียกว่าหอคอยเลยซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่แค่หอคอยเท่านั้น แต่หากยังรวมไปถึงป้อม พระราชวังของพระมหากษัตริย์ ที่จำขังโดยเฉพาะสำหรับนักโทษที่มียศศักดิ์สูง คลังเก็บอาวุธ ท้องพระคลัง สวนสัตว์ โรงกษาปณ์หลวง หอเก็บเอกสาร หอดูดาว และเมื่อปี ค.ศ. 1303 เป็นต้นมาก็เปลี่ยนเป็นที่เก็บรักษามงกุฏและเครื่องราชาภิเษกของสหราชอาณาจักร
แต่หน้าที่สำคัญที่ทำให้มันกลายเป็นสถานที่อันสยองคือการเป็นที่สำหรับประหารชีวิตและทรมานนั้นเอง
โดย 1 ในที่ที่โจนจันกันมากเลยก็คือ bloody tower หรือหอคอยเลือดนั้นเอง
( ภาพโดย Historic Royal Palaces จาก www.hrp.org.uk )
Bloody Tower เคยใช้เป็นที่ประทับและคุมขังเจ้าชายสองพระองค์ คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า วัย 12 พรรษา กับ เจ้าชายริชาร์ด ดยุกออฟยอร์ก พระอนุชาวัย 9 พรรษา
ลึกขึ้นไป 2 ชั้น เป็นห้องที่ว่ากันว่าเป็นห้องที่เจ้าชายทั้งพระองค์ทรงใช้บรรทมก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครเจอศพของเจ้าชายน้อยทั้ง 2 เลย ( มันซ่อนยังไงของมันเนี้ย =v=" )
( ภาพโดย คุณ OnikaMaraj จาก Dek-D )
1 ในผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในหอคอยชื่อ ฟิล วิลสัน ได้เล่ายืนยันว่าทำไมทุกคนถึงเชื่อว่าเจ้าชายทั้ง 2 ยังคงอยู่ที่นี้
"ที่ Bloody tower มีคนเคยเห็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้ากับเจ้าชายริชาร์ด พระอนุชาเป็นบางครั้งบางครา ทั้งสองพระองค์ทรงชุดบรรทมสีขาว จับพระหัตถ์กัน ทรงยืนนิ่ง ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายเข้าไปในผนังห้อง บ้างก็มีรายงานว่าเห็นเด็กผู้ชายสองคนวัยไล่เลี่ยกัน เล่นตามประสาเด็กตามที่ต่าง ๆ ภายในหอคอย ว่ากันว่าริชาร์ด ดยุค ออฟ กลอสเตอร์ พระปิตุลา ( อาของเจ้าชาย ) ทรงสั่งฆ่าเจ้าชายทั้งสองเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์แทน"
ตามประวัติศาสตร์ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2026 ริชาร์ด ดยุค ออฟ กลอสเตอร์ ก็ได้ทรงขึ้นเสียบ เอ๊ย! ทรงขึ้นทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและได้พาเจ้าชายน้อยทั้งสองไปประทับที่หอคอยแห่งลอนดอนรอวันเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า
แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อจู่ๆ ริชาร์ด ดยุค ออฟ กลอสเตอร์ขึ้นครองราชย์แทนเป็นพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แทน ซึ่งในขณะนั้นเจ้าชายทั้ง 2 ยังคงมีชีวิตอยู่ และแล้วหลังจากนั้นก็ได้หายตัวไป
สิ่งที่พอจะเป็นหลักฐานได้ชิ้นเดียวก็คือ หัวกระโหลกเด็กสองหัว ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2217 ช่างได้พบเข้าขณะกำลังทุบบันไดหินทางใต้ของ White Tower หรือ หอคอยขาวในหอคอยแห่งลอนดอน
สำหรับรายต่อไปถือได้ว่าเจ้าประจำที่มักจะโผล่ออกมาให้นักท่องเที่ยวได้เห็นอยู่เสมอๆ คือ พระนางแอน โบลิน มเหสีองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด
( ภาพโดย คุณ vun จาก เรือนไทย.วิชาการ.คอม )
งานนี้ลุงฟิล วิลสัน ก็ได้เล่าต่ออีกว่า
"มีคนเจอพระนางแอน โบลินหลายที่ครับ ทั้งที่ Tower Green ในควีนส์เฮาส์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่พระนางประทับก่อนถูกประหาร พระนางต้องโทษประหารฐานนอกพระทัยพระเจ้าเฮนรี่ แต่พระนางทรงร้องขอพระสวามี ไม่ให้ใช้ขวานตามธรรมเนียมอังกฤษเพราะทรงหวาดกลัวมาก ทรงขอให้ใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส พระเจ้าเฮนรี่ทรงทำตามพระประสงค์สุดท้ายของพระราชินี ทรงจ่ายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นำเพชฌฆาตมาจากเมืองคาเล่ส์ในฝรั่งเศส ว่ากันว่าเพชฌฆาตคนนี้ฝีมือแม่นมาก ฟันฉับเดียว พระเศียรหลุดทันที แต่พอเพชฌฆาตยกพระเศียรขึ้นชู พระเนตรของพระนางยังลืมอยู่และพระโอษฐ์ก็ขมุบขมิบ ผู้คนที่ไปดูการประหารเชื่อว่าพระนางทรงสาบแช่ง"
น่าแปลกที่ตามประวัติศาสตร์ในอังกฤษนั้น พระนางแอน โบลินดูจะเป็นพระองค์เดียวที่ถูกประหารชีวิตด้วยใช้ดาบบั่นพระเศียร นอกนั้นใช้ขวานตามธรรมเนียมหมด ( แกะดำอ่ะเปล่าเนี้ย -v-' )
จุดประหารมีชื่อว่า ทาวเวอร์กรีน เป็นสนามหญ้าอยู่ในเขตหอคอยแห่งลอนดอน
( ภาพโดย คุณ wallyg จาก www.flickr.com )
ทุกวันนี้ทางหอคอยปรับพื้นที่ให้เห็นชัดเจนขึ้น ทำเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน ตั้งตรงหน้าโบสถ์หลวง เซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่า (St Peter ad Vincula) พอดิบพอดีเลย ใครผ่านไปโบสถ์หลวง เซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่าแล้วก็อย่าลืมแวะด้วยนะคร้าบ บรึ๊ย~ @v@
บริเวณตรงนี้ยังเป็นที่ประหารเจ้านายชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนรวมถึงพระนางแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ด มเหสีองค์ที่ 5 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดด้วย แต่ที่เฮี้ยนที่สุดคือวิญญาณของพระนางแอน โบลีนนั้นเอง
และลุงฟิล วิลสันก็ได้เล่าถึงประสบการณ์สยองพองเกล้าของไกด์ผู้หนึ่งว่า
"มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพานักท่องเที่ยวเข้าชมโบสถ์หลวงเซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่า พอบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟังเสร็จก็ออกมาจากโบสถ์ มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถามขึ้นมาว่าตอนที่อยู่ในโบสถ์ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใคร ไกด์ก็ตอบกลับไปว่าไม่มีใครยืนอยู่ข้างหลังผมหรอก แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นก็ยังคะยั้นคะยอ แถมอธิบายเพิ่มว่าผู้หญิงที่ยืนข้างหลังนั้นรูปร่างไม่สูงเท่าไหร่ ใส่ชุดดำและยืนอยู่ตรงหลุมฝังศพพระนางแอน โบลิน"
อีกพระองค์นึงที่บังเอิญโชคไม่ดีได้ถูกบั่นคอตรงที่เดียวกับพระนางแอนโบลินพอดิบพอดีแต่ต่างกรรมต่างวาระกัน แต่คือเลดี้เจน เกรย์
( ภาพโดย คุณ sirivinit จาก www.bloggang.com )
มีคนเห็นเลดี้เจน เกรย์ ครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสครบรอบ 403 ปีที่พระนางถูกบั่นพระเศียรคอ ยามสองคนเล่าว่าเห็นร่างในชุดสีขาวที่ชั้นใต้ดินของหอคอย
ในหลายๆการประหาร มีการประหารที่น่าสยดสยองมากที่สุดครั้งนึงคือการบั่นคอ มาการ์เร็ต โพล เคาน์เตสแห่งซอลส์เบอรี่ ฐานเป็นกบฎต่อแผ่นดิน
นางไม่ยอมคุกเข่าเอาหัววางลงที่แท่นประหารเพื่อให้เพชฌฆาตบั่นคอและพยายามจะวิ่งเล่น เอ๊ย! วิ่งหนี ด้านเพชฌฆาตก็เป็นมือใหม่ ก็เลยได้วิ่งเล่น ไล่เอาขวานฉับหัวพระนาง
ว่ากันว่าวันดีคืนดีโดยเฉพาะในวาระครบรอบวันที่นางถูกบั่นคอ ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงแผดร้องและเสียงวิ่งหนีดังอยู่ในบริเวณหอคอย
แต่ที่เฮี้ยนสุดๆ เฮี้ยนจริง คือที่ Salt Tower ( หอคอยเกลือ?! -v-" )
( ภาพโดย คุณ Juan José Sánchez-Oro Rosa จาก blogger )
บริเวณนี้ว่ากันว่ามีวิญญาณมาหลอกหลอนให้เห็นบ่อยที่สุด ซึ่งในสมัยราชวงศ์ทิวดอร์หอคอยแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักบวชคณะเยซูอิต
บริเวนชั้นบนของหอคอยจะเห็นร่องรอยที่นักโทษขีดเขียนตามผนังกำแพงด้วยนะเธอ~ @~@
"ในบรรดาหอคอยทั้งหมดของหอคอยแห่งลอนดอน ว่ากันว่า Salt Tower เป็นหอคอยที่เฮี้ยนที่สุดครับ มียามคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเขาพยายามจะขึ้นไปชั้นบนของหอคอย แต่ขึ้นไปไม่ได้ เหมือนกับว่ามีกำแพงมากั้น แต่ที่แปลกคือมองไม่เห็นกำแพง ก่อนนั้นมียามอีกคน ต้องตื่นขึ้นมาตอนดึกเพราะรู้สึกว่ามีอะไรมารัดคอ พ่อหนุ่มคนนี้ร้องเสียงหลงสุดชีวิต รีบวิ่งออกมาจากห้องพัก ทั้งในชุดนอนนั่นแหละครับ ตะกุกตะกักเล่าให้เพื่อนฟังว่ามีคนพยายามจะฆ่า หลังจากนั้น เขาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปใน Salt Tower อีกเลย" ลุงฟิล วิลสันเล่าปิดท้าย
Credit
data by
picture by
- “พระนางมารี อังตัวเน็ต” เมฆหมอกแห่งฝรั่งเศส หรือ ผู้รักความสมถะสามัญชน และถูกใส่ความ by vun at www.reurnthai.com/
- Un Grabado Astrológico en la Salt Tower de Londres by Juan José Sánchez-Oro Rosa at www.blogger.com
video by
น่าสนใจดี เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย
ReplyDelete