Tuesday, December 4, 2012

เอดส์เอ่ย~ เอดส์จ้า~ วันเอดส์โลกมาถึงนั้น~


ฮ้า~ ไฮ่~ ฮ้า~ ไฮ่~  กีฬาๆเป็นยาวิเศษ ฮ้า~ ไฮ่~ ฮ้า~ ไฮ่~  กีฬาในร่มเล่นแล้วเป็นเอดส์............. เอ๊ย! - -" ฮ่าๆ สวัสดีครับ คราวนี้ที่กระผมมาแบบนี้ก็เพราะใกล้แล้วล่ะครับ อีกไม่กี่วันสำหรับกีฬากลุ่มโรงเรียนมัธยมของพื้นที่การศึกษาของกระผม ( ขอพูดง่ายๆล่ะกันนะครับว่าในจังหวัดพะเยา ) ทุกๆคนต่างฝึกซ้อมกันอย่างขันแข็ง แต่ อ่ะๆๆ กระผมไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องกีฬาหรอกนะขอรับ แต่จะมาพูดถึงวันสำคัญวันนี้กัน รู้มั้ยครับว่าวันนี้วันอะไร? ไม่รู้สินะครับ งั้นผมจะบอกให้ขอรับว่ามันคือ....................... มันคือ............. มันคือ............ วันถุงยางอนามัยแห่งชาติ!!! OvO ( SF: ตุ่บ ตะลุม ตุ๊บ ตั๊ก ผั๊วะ เผี่ยะ~ เผี่ยะ~   *v+ )  อ่อย~~ ล่ะๆๆ ล้อเล่นครับ แหะๆ อูย~ วันเอดส์ขอรับ วันเอดส์

ก็ที่กระผมจะมาพูดถึงก็คือวันเอดส์ แต่พอพูดถึงเอดส์กันปุ๊บ หลายๆคนก็คงจะนึกถึงโรคเป็นแล้วรักษาไม่หาย โรคที่ติดจากพฤติกรรมส่ำส่อนทางเพศ ฯลฯ หรืออะไรก็ทำนองนั้น ( ตัดจบได้สั้นจริงๆ  ) ในปัจจุบันถึงแม้โรคนี้จะไม่ได้น่ากลัวเหมือนแต่ก่อนเพราะมียาที่ถึงจะรักษาไม่หายแต่ก็สามารถยื่อชีวิตเอาไว้ได้ และในปัจจุบันผุ้ป่วยโรคเอดส์ก็ได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นโรคเอดส์ก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวสำหรับเราๆทุกๆคนอยู่ดี ดังนั้น ก่อนที่เราจะมาเจาะลึกสาระเกี่ยวกับวันเอดส์โลกนั้นเราจะมาเจาะลึกกันเกี่ยวกับโรคเอดส์กันก่อนนะครับ เพื่อให้เข้าใจถึงโรคเอดส์กันมากขึ้น ว่าแล้วเราก็เริ่มกันเลยครับ 

โครงสร้างเชื้อเอชไอวี

     โรคเอดส์คืออะไรหน่อ~? 

โรคเอดส์หรือเอชไอวีนะขอรับ อันที่จริง ไม่น่าจะเรียกว่าโรคเลยเสียทีเดียว เพราะ เป็นเพียงภาวะกูมิคุ้มกันเสื่อม ซึ่งหมายถึง ภาวะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราๆนั้น ไม่สามารถทำหน้าป้องกันและทำลายเชื้อโรคอื่นๆภายในร่างกายเราได้ ส่งผลให้เรานั้นป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนต่างๆ โรคเอดส์เกิดขึ้นได้ยังไง? เราจะมาเจาะให้ลึกกันไปอีกครับ 




    โรคเอดส์เกิดจากอะไรเอ่ย~? วานเธอช่วยบอกที~ 

ครับ โรคเอดส์จากที่เห็นจากรูปด้านบนนะครับ นั้นคือโครงสร้างของโรคเอดส์ สำหรับโรคเอดส์นั้น ตามเกริ่นไปครับคือ เกิดจาก การส่ำส่อนทางเพศ หรือ แปลไทยเป็นไทยแบบงามๆนะครับ จะหมายฟาร์ม เอ๊ย! หมายความว่า การที่เรามีเพสสัมพันธุ์กับคนอื่นๆแบบไม่ซ้ำหน้านั้นเองขอรับ ( แปลได้งามจริงๆ  ) โดยไม่การใช้อุปกรณ์ป้องกันเอดส์หรือที่เราๆเรียกกันว่า ถุงยางอนามัย ( ประเทศลาวเพื่อนบ้านเรานั้น เค้าเรียกถุงยางอนามัยว่า "เสื้อกันฝนตัวน้อย"   ) ทั้งนี้รวมไปถึงการใช้เข็มร่วมกัน เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสักยันต์บนร่างกายโดยใช้เข็มสักยันต์เดียวกัน และการจูบแบบล้ำลึกหรือ French Kiss

[ ขอภาพแบบเบาๆล่ะกันนะครับ เดียวจะติดเรท  ]
( ภาพโดย ^+-+~แฮมเตอร์~+-+^ จาก Dek-d.com )

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆรูปแบบ หลายวิธีการในการติดเชื้อ

แต่ทว่านะครับโรคเอดส์จริงๆไม่ได้เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์หรอกครับ ต้นกำเนิดจริงๆนั้น เกิดจากเชื้อไวรัสตัวนึงใน.................. ในลิงครับ ลิงชิมแปนซีคือต้นกำเนิดของโรคเอดส์ที่เราๆเป็นอยู่กันในปัจจุบัน ( และการล้างบางลิงชิมแปนซีก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก  ) แล้วรู้ได้ยังไง?


ก็เนื่องจากในลิงชิมแปนซีนั้นก็มีเชื้อเอดส์เหมือนๆกับเราๆนี้ล่ะครับ แต่คนล่ะสายพันธุ์ ของลิงชิมแปนซีนั้นเป็น Original ครับ ส่วนในคนนั้นเป็นเชื้อที่กลายพันธุ์แล้วครับ เชื้อเอดส์ภายในลิงชิมแปนซีนั้นเรียกว่า Simian Immunodeficiency Virus คำว่า simian แปลว่าลิงครับ เชื้อไวรัสนี้เรียกย่อๆว่า  SIV ( อ่านว่า เอสไอวี ) ครับ ( ในคนเรียกว่า Human Immunodeficiency Virus หรือเรียกย่อๆ ว่า  HIV ( อ่านว่า เอชไอวี ) ) อันที่จริงแล้วโรคนี้ถูกค้นพบภายในลิงมายาวนานแล้ว แต่เพิ่งจะมาผลการวิจัยที่ยืนยันได้ครับว่า "มาจากลิงชิมแปนซีจริงๆนะ" โดยคนแรกที่ยืนยันในเรื่องนี้ได้ คือ ฟรังซัว ซีมง นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและคณะ ครับ ต่อมาก็มีคนออกมาย้ำด้วยผลการสำรวจและวิจัยถึงต้นกำเนิดโรคเอดส์ว่ามาจากลิงชิมแปนซีอีกนั้นคือ ดร. ฮาห์น ครับ โดยดร. ฮาห์นได้สรุปว่า ไวรัสโรคเอดส์เอชไอวี-1 นั้นมีต้นกำเนิดมาจากลิงชิมแปนซี โดยมีหลักฐานคือไวรัส ที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างเอสไอวีกับเอชไอวี-1 เป็นไวรัสกลางทางในสายของวิวัฒนาการ ( แหะๆ ออกแนววิทยาศาสตร์ไปเลย  ) เนื่องจากว่าในถิ่นแอฟริกา แถวประเทศแคเมอรูน และอิเควทอเรียลกินี จะค่อนข้างนิยมการกินเนื้อลิงชิมแปนซีมากซึ่งในสมัยก่อนแทบจะเป็นดินแดนปิด โรคเอดส์จึงไม่ออกสู่โลกภายนอก ต่อมาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปิดประเทศทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายประชากร โรคเอดส์จึงแพร่ระบาดออกจากดินแดนใกล้เคียงและแพร่กระจายทั่วโลกในที่สุด  แต่อย่างไรก็ดีขอรับ ข้อสันนิษฐานนี้ยังรอการพิสูจน์อยู่เนื่องจากยังไม่มีอะไรยืืนยันแน่นอนเท่าไหร่นัก

มาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็คงจะรู้จักกับโรคเอดส์มากขึ้น แต่เราจะดูยังไงว่าใครคือผู้ป่วยโรคเอดส์?



     ผู้ป่วยโรคเอดส์นั้นจะมีอาการนำที่สังเกตได้ดังต่อไปนี้ครับ


มีไข้ต่ำ ๆ เรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็น ๆ หาย ๆ หรือเป็นตลอดเวลา มีเหงื่อออกมาตอนกลางคืน 


น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว กว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวในระยะเวลา 1 เดือน เบื่ออาหาร อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย 

ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้เป็นก้อนขนาดโตกว่า 1-1.5 เซนติเมตร หลายตำแหน่ง เช่น บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ 

มีอาการทางจิตประสาท เช่น ความจำเสื่อม อารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนแปลงง่าย และอาจมีอาการทางสมอง เช่น แขนขาชา อัมพาตครึ่งซีก ชักกระตุก 

มีฝ้าขาวที่ลิ้นและช่องปากเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ 

มีเริมที่ริมฝีปากหรืออวัยวะเพศ มักเป็นชนิดลุกลามและเป็นอยู่นาน 

มีอาการกลืนเจ็บ กลืนติด กลืนลำบาก สาเหตุเกิดจากเชื้อราในช่องปากลุกลาม ลงไปที่หลอดอาหารส่วนต้น ทำให้หลอดอาหารเกิดการอักเสบ 

มีผื่นสีม่วงแดงหรือตุ่มสีม่วงขึ้นตามผิวหนัง แขน ขา ลำตัว หน้า ศีรษะ อวัยวะเพศ และในช่องปาก 

มีอาการอุจจาระร่วงเรื้อรัง ถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือถ่ายเป็นมูกเลือด 

มีอาการตามัว มองเห็นไม่ชัด และอาจตาบอด เนื่องจากจอตาอักเสบ 

มีไข้ ซึม หมดสติ และชักกระตุก เนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ 

มีอาการไข้ หอบ เหนื่อย หายใจลำบาก เจ็บหน้าอกเวลาหายใจ สาเหตุมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบ


ภาพตัวอย่างของผู้ป่วยโรคเอดส์
( ภาพโดย sss28653 จาก thaigoodview.com )

ทั้งนี้หากใครที่มีอาการดังกล่าวไปข้างต้น ก็อย่าเพิ่งตื่นตื่นตระหนกไปนะครับ เพราะอาการข้างต้นที่กล่าวไปนั้นเกิดขึนได้ทั้งผู้ป่วยโรคเอดส์และโรคอื่นๆครับ ทั้งนี้หากอยากให้ชัวร์ก็ต้องเจาะเลือดกันสถานเดียวล่ะครับ 

เอ้าล่ะ อืม ยาวเลยแหะ ก่อนที่จะออกทะเลไปมากกว่านี้ เราจะเจาะลึกกันถึงสาระหลักกันจริงๆซึ่งก็คือวันเอดส์โลกนั้นเองครับ ว่าแล้วมาดูเร้ย~~~~ 



     วันเอดส์โลกคืออะไรเหรอ? ตัวเอง~


วันเอดส์โลกเกิดจากความต้องการในการรงรณค์ความสำคัญและอันตรายของโรคเอดส์โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งก็มีการกำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก หรือ World AIDS Day ซึ่งเริ่มครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2531 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อของโรคเอดส์ และการเจ็บป่วยจากโรคเอดส์

เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ

เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับ และห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์

เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

สำหรับสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลกนั้นคือ โบว์สีแดง ครับ

( ภาพโดย Kapook News จาก Kapook.com )

ความหมายของสัญลักษณ์นะครับ แสดงถึง ความเป็นหนึ่งเดียวกันและการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยโรคเอดส์กับผู้คนทั่วไป ( ความหมายดีจัง  )

และคำขวัญในปัจจุับันของวันเอดส์โลกนะครับก็คือ " Getting to Zero : เอดส์ลดให้เหลือศูนย์ได้ " 

Credit:
data by

picture by