จุดเริ่มต้นของวันเด็ก
สำหรับจุดเริ่มต้นของวันเด็กนั้น เด็กๆหลายคนอาจจะคิดว่า " ก็มันมีอยู่แล้วอ่ะ ม่ายเห็นต้องคิดมากอารายเย่ย =v= " ครับ แต่รู้กันมั้ยเอ่ย จุดเริ่มต้นจริงๆนั้นอยู่ที่องค์การสหประชาชาติขอรับ ทางเค้านั้นได้เล่งเห็นถึงปัญหาของเด็กในตอนนั้น ( ตาเหยี่ยวจริงๆ =^=b! ) ที่ถูกมองข้ามความสำคัญไปในฐานะกำลังสำคัญของชาติในอนาคต รวมไปถึงความคิดของผู้ใหญ่ในอดีตที่มักจะมองว่าเด็กๆยังไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องอะไรมาก ทำให้ทางองค์การสหประชาชาตินั้นลงความเห็นว่า สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการกระตุ้นให้เด็กๆเห็นความสำคัญในตนเอง ซึ่งก็ได้เริ่มมีการประชุมกันในปี 1995 และในที่สุดองค์การสหประชาชาติก็ได้อนุมัติ เริ่มประกาศให้มีวันเด็กแห่งชาติขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ ประเทศสมาชิก 40 กว่าประเทศก็ได้สามัคคีรวมพลัง จัดงานวันเด็กพร้อมๆกันไปเลยในปีเดียวกัน 555+
แล้วก็วันเด็กในไทย
( ภาพโดย คุณ L Change The World จาก widget sanook )
สำหรับวันเด็กในไทยนั้น หลังจากการประกาศให้มีวันเด็กๆ ^w^ โดยองค์การสหประชาชาติแล้ว ทางองค์การก็ได้ส่ง! สายลับมหากาฬ 00700 ตรงมายังไทย............................... ซะที่ไหน ฮาๆ ล้อเล่นน่ะครับ ทางเค้าก็ได้ส่งนาย วี เอ็ม กุลกานี ( ชื่อชวนให้อ่านว่า บี เอ็ม ดับเบิ้ลยู จัง ^ ^" ) ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ มาพร้อมกับข้อร้องเรียน เอ๊ย! ข้อเสนอแนะมายังประเทศไทยผ่านทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ใจความว่า " ตอนหนี่พวกไอ อนูมัด เรี่ยบร้อยแหล่ว ห้ายมีวันเด็ก! แห่งชาด พวกไออยากห้ายพวกยูจัดวันเด็กแห่งชาดด้วยกัน ^o^ " และไทยเราก็ได้รับทราบ แต่ในขณะนั้น สภาวัฒนธรรมแห่งชาติยังมิได้ถูกยุบเลิกไป คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา และในที่สุดที่ประชุมได้เห็นชอบนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ได้มีมติให้คณะรัฐมนตรีรับหลักการในการจัดงานวันเด็กและให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการในการติดต่อประสานงานกับองค์กรทุกภาคส่วนในการจัดงานวันเด็ก ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนั้น.......................... เอิ่ม.......... ให้พูดดีมั้ยครับ ^ ^" ก็มาจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือ " หวย " ที่เราเล่นกันอยู่ในปัจจุบันนี่เอง ( ทีนี้ก็ภูมิใจได้แล้วล่ะครับ ว่าการเล่นหวยก็มีสาระ 555 )
ดังนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ประเทศไทยจึงมีงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นเป็นต้นมา ทางราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น มีความเห็นต้องพ้องกันว่า สมควรอย่างยิ่งที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่เพื่อความเหมาะสม ด้วยเหตุผลสองประการคือ
- ในเดือนตุลาคม ประเทศไทยยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กไม่สะดวกในการมาร่วมงาน
- วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง ( วันเด็กในตอนนั้นยังไม่ใช่วันหยุดราชการเหมือนในปัจจุบันครับ ) ไม่สามารถพาเด็ก ( ก็ลูกๆน่ะล่ะครับ ) ของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจนเนื่องจากเป็นวันปรกติไม่ใช่วันหยุด ประจวบว่ามีงานวันเด็กอีก จึงทำให้การจราจรติดขัด ไม่สะดวกแก่การเดินทางนั้นเอง
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กลับกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับเด็กๆไปในทันที เนื่องจากวันที่เริ่มประกาศเปลี่ยนนั้น มันดันเลยวันที่เปลี่ยนใหม่ไปเสียแล้ว ( เลยวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมไปแล้ว ) จึงทำให้ในปี พ.ศ. 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาตินั้นเอง ( มันน่า........ - -" ) และงานวันเด็กแห่งชาติได้เริ่มจัดขึ้นมาใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2508 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แล้วเค้าจัดเพื่ออะไรกัน? เราจะมาเจาะลึกกันต่อครับ
วัตถุประสงค์การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ คือ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ปี ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาด ชาติเจริญ"
เอาล่ะ วันเด็กก็ต้องมีคำขวัญวันเด็กเป็นของคู่กัน งั้นเรามาเจาะลึกคำขวัญวันเด็กปีนี้กันดีกว่าครับ
คำขวัญวันเด็กปีนี้นะจ้ะ
( ภาพโดย สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครระยอง จาก facebook )
ครับก็อย่างที่เห็น คำขวัญวันเด็กปีนี้โดย ยิ่งลักษร์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งพรรคเพื่อไทย ได้แต่งขึ้นโดยยังคงรักษาสิ่งที่เน้นอยู่เสมอในทุกๆคำขวัญนั้นคือ ความมีระเบียบวินัยของเด็ก ให้เด็กขยันเรียนหนังสือ แต่ทว่าจุดสำคัญ ( น่าจะ ) อยู่ที่ " นำพาไทยสู่อาเซียน " นี่ล่ะครับ เหมือนเป็นการตอกย้ำให้เด็กๆเตรียมความพร้อมกันเพราะในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเริ่มเข้าสู่อาเซียนกันแล้ว จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ให้พร้อมเปิดประเทศสู่อาเซียน ซึ่งจุดนี้ก็คือที่มาของประโยคนี้นั้นเอง
แล้ววันเด็กจะไม่มีอะไรทำกันเลยหรือ? ฮ่าๆ มีครับผม งั้นกระผมขอนำทุกๆคนไปดูกันดีกว่านะครับ ว่าควรจะเริ่มกิจกรรมอะไรกันดีในวันเด็กนี้
กิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติ
( ภาพโดย สวนสัตว์เชียงใหม่ จาก chiangmaizoo.com )
ครับ ว่าแล้วเราก็มาดูกันเลยดีกว่าครับ กิจกรรมที่น่าทำในวันเด็กนี้
- ร่วมงานที่หน่วยงานต่างๆจัดขึ้นทั้งภาครัฐและเอกชน โดยในวันเด็กนั้นทุกภาคส่วนจะมีการจัดงานวันเด็กขึ้น ซึ่งมีทั้งกิจกรรมสนุกๆมากมาย และนอกจากนี้ยังมีของเล่นและขนม ( อันนี้ล่ะที่กระผมสนใจ กึ๊ย! ^w^" ) แจกกันอีกด้วย
- แสวงหาความรู้กันขอรับ ทั้งนี้ ในวันเด็กนั้นในหลายๆสถานที่และหลายๆพิพิทธภัณฑ์ได้มีการเปิดให้เข้าชมฟรีเป็นพิเศษแก่เด็กๆและผู้ใหญ่ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เข้าฟรี เอ๊ย! จะได้แสวงหาความรู้กันให้เต็มที่ ^ ^" ให้สมกับคำขวัญวันเด็กด้วย เหอๆๆ
- ไม่ว่าสำคัญวันไหนที่จะลืมไม่ได้เลยคือ การทำบุญตักบาตรนั้นเอง เพราะไม่ว่าจะวันไหนๆหากเรามีจิตใจที่แจ่มใสแล้ว ย่อมทำให้วันนั้นกลายเป็นวันที่ดีของเราได้ ก็อย่าลืมทำบุญกันด้วยนะครับ ^w^
และแน่นอนที่สุด ไม่ว่าจะไปสนุกที่ไหน สำคัญคือ อย่าลืมเพื่อนๆนะครับ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งสนุก ใครไปที่ไหนก็พาเพื่อนๆไป ไม่แน่นะครับ อาจจะมีกระผมติดรถฟรี เอ๊ย! ติดตามไปสนุกด้วยกันก็เป็นได้ แหะๆ -v-"
สุดท้ายขอปิดด้วยภาพน่ารักๆ แล้วกันนะขอรับ
Credit
data by
picture by
No comments:
Post a Comment
เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง คิดยังไง คอมเม้นต์ได้เลย เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย ^w^